ใช้รักษาฟื้นฟูสตรีหลังคลอดบุตร โดยถือเป็นการอยู่ไฟหลังคลอด ช่วยขับของเสียในร่างกายออกทางผิวหนังในรูปของเหงื่อ กระตุ้นการขับน้ำคาวปลาที่ยังตกค้างหลังการคลอดบุตร และเพิ่มการไหลเวียนโลหิต ลดอาการปวดเมื่อยและทำให้คุณแม่กลับมามีสุขภาพแข็งแรงอีกครั้ง
แท้จริงแล้วการอบสมุนไพรที่มีมาแต่ยาวนานของไทยนั้นมีความคล้ายคลึงกับการอบไอน้ำของต่างชาติพอควร การอบสมุนไพรแบบต้นตำรับไทย ถือเป็นการผ่อนคลายความเครียด ความร้อนจากไอน้ำยังช่วยคลายกล้ามเนื้อ ลดอาการปวดเมื่อย รวมถึงอาการเป็นหวัดคัดจมูกได้ดีอีกด้วย
การอบสมุนไพรสามารถช่วยบรรเทาอาการทางผิวหนัง และรักษาโรคผิวหนังได้ดีอีกด้วย เพราะส่วนผสมของสมุนไพรบางชนิดจะมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ เช่น ใบมะขาม หรือฝักส้มป่อย สมุนไพรเหล่านี้จะช่วยชะล้างสิ่งสกปรกตามรูขุมขน แก้อาการผื่นคัน และเพิ่มความต้านทานให้กับผิวหนัง
ด้วยอายุที่เพิ่มมากขึ้นในวัยชรา ทำให้ผู้สูงอายุมักจะมีอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย ดังนั้นการใช้สมุนไพรไทยในระหว่างการอบสมุนไพรจะสามารถลดเมื่อย คลายกล้ามเนื้อ และดูแลธาตุเจ้าเรือนได้ดียิ่งขึ้น
การแพทย์แผนไทยเชื่อในเรื่องการบำบัดตามธาตุเรือน ดังนั้นการอยู่ไฟจึงสืบถอดปฏิบัติกันมาจากรุ่นสู่รุ่น โดยการอยู่ไฟหลังคลอดนั้นตามตำราแพทย์แผนไทย เชื่อว่ามีประโยชน์ต่อการฟื้นฟูสุขภาพของคุณแม่มือหลังคลอดบุตรเป็นอย่างมาก เพราะเป็นการรักษาและบำรุงร่างกายทั้งภายในและภายนอก เนื่องจากการคลอดลูกแต่ละทีนั้น คุณแม่สูญเสียทั้งวิตามิน แร่ธาตุ รวมถึงพลังกายอีกมากมาย การบำรุงที่ดีที่สุด ควรดูแลได้ตั้งแต่ภายในร่างกาย เหมือนที่เราเคยได้ยินกันว่าสตรีหลังคลอดนั้นมักมีน้ำคาวปลาขับออกมาจากภายใน รวมถึงของเสียและเลือดต่างๆ ที่ตกค้างอยู่ในมดลูก ควรถูกขับออกมาให้หมด เพื่อสมานแผล ทำให้มดลูกแห้ง และทำให้มดลูกเข้าอู่ได้เร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้อาการหนาวสั่นหลังคลอดยังเป็นอีกอาการที่พบได้บ่อย ซึ่งถ้าหากได้รับการอยู่ไฟหลังคลอดตามสูตรแพทย์แผนไทยแล้ว อาการดังกล่าวจะดีขึ้น เพราะการอยู่ไฟหลังคลอดจะเป็นการให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย ปรับธาตุทั้ง 4 ให้สมดุล นอกจากนี้การขับเหงื่อและเลือดเสียออกจากร่างกาย ทำให้ไม่เกิดเลือดเป็นพิษ น้ำนมก็จะไม่เป็นอันตรายต่อลูก ช่วยให้ร่างกายภายนอกแข็งแรง มีผิวพรรณที่เปล่งปลั่ง และคลายอาการเหนื่อยล้าจากการแบกครรภ์มาเป็นระยะเวลา 9 เดือน โดยทั่วไปการอยู่ไฟในอดีตจะใช้เวลา 15-30 วัน